
10 ทำไม? เพื่อนสมัย เ รี ย นมัธยม จึงคบกันได้ยาวนาน…
“ทำไมเพื่อนสมัยมัธยมจึงคบกันนาน” นี่คือสิ่งที่หลายคนสงสัยมายาวนาน เพื่อนไหนๆ ก็ไม่สนิทเท่าเพื่อนที่ เ รี ย นสมัยอยู่มัธยม มาดูกันครับว่าเพราะอะไร ?
1 ไม่มีเปลือก
มีเเต่ตัวตนจริงๆ ใครเป็นใคร..อย่างไร..เห็นกันหมดใคร เ รี ย นเก่ง ใครอ่อน ใครโ ง่ ฉลาด ขยัน ขี้เ กี ย จ เเม่กระทั่งพ่อเเม่เป็นใคร มีสตางค์หรือไม่มี รู้กันหมด ไม่ต้องมาทำฟอร์มใส่กัน
2 ไม่มีผลประโยชน์
เพื่อนสมัยมัธยม ไม่มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง คบกันได้เพราะ “มรึงกับกรู” เหมือนๆกัน ไม่ใช่เพราะจะพึ่งพาอะไรกันมากมาย อย่างดีก็เเค่ “ขอกรูลอกการบ้านมึงหน่อย” พอเอาไปส่งครู ตอบผิดด้วยกันทั้งคู่เลยก็มีบ่อยๆ เพราะไปลอกของมัน ดีมั๊ยดี ทำเองยังอาจจะถูกบ้างบางข้อ
3 รู้จักกันถึงพ่อ ถึงเเม่ ถึงพี่น้อง บ้านช่อง รู้ใส้ รู้พุ งกันหมด
สนิทกับเเบบไม่มีอะไรปิดกั้น สนิทกันขนาดเรียกชื่อเพื่อนเป็นชื่อพ่อมัน จนกระทั่ง เ รี ย นจบก็มี บางทีเรียกชื่อมัน(ซึ่งเป็นชื่อพ่อเพื่อน) พ่อมันขานเราก็มี เพราะพ่อมันนึกว่าเรียกเขา ที่ดีคือ เพื่อนมันไม่เคยโกรธเลย
4 หัดจีบ ส า ว พร้อมๆกัน
ด้วยลีลาที่นึกถึงทุกวันนี้ยังเกิดคำถามกับตัวเองว่า”กรูทำไปได้ยังไง” เเต่ก็เป็นการจีบเเบบใสๆซื่อๆ ทั้งๆที่รู้ว่า จีบไปก็เท่านั้น “เหมือนห ม าเห็นปลากระป๋อง”ยังไงยังงั้น เล่ากันเมื่อไหร่ ก็ฮากันเมื่อนั้น บางทีนึกดีใจด้วยซ้ำ ที่ไม่จีบเป็นจริงเป็นจังจนขอเเต่งงาน เพราะมาเจออีกที หลังเกษียณ เเก่ไม่มีที่ติจริงๆ (จริงๆ ก็เเก่ทั้งคู่นั่นเเหละ ระหว่างเรากับเขา)
5 ทำอะไรโ ง่ๆเหมือนกัน
วัยมัธยมเป็นวัยรอยต่อของความเป็นเด็ก กับวัยรุ่น ที่กำลังจะโตเป็นผู้ใหญ่ จึงมีเรื่องโ ง่ๆให้ทำเยอะมาก ทุกคนในกลุ่มที่คบกัน จะมีเรื่องโ ง่ๆให้ทำเเตกต่างกันออกไป จนไม่มีใครดูฉลาดกว่ากันในสายตาของผู้ใหญ่ เพราะคิดทำการเเต่ละเรื่อง มีเเต่เรื่องโ ง่ๆ ทั้งนั้น มันเลยคบกันได้มายาวนาน เพราะไม่ต้องมีใครอายใครนั่นเอง
6 กิน นอน เที่ยว ด้วยกัน
วัยมัธยม เป็นวัยที่ติดกันยังกับตังเม ไปไหนไปกันเป็นฝูง เกาะกลุ่มกันเเน่น กินก็กินด้วยกัน ทั้งๆที่ไม่ค่อยจะมีอะไรให้กิน นอนก็นอนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นด้วยกัน หลับได้เพราะเพลีย ที่ไปทำทะโมนมาทั้งวัน ความผูกพันมันจึงถูกหล่อหลอมจนเป็นเนื้อเดียวกัน วันละนิด ละหน่อย จนเเยกกันไม่ออก
7 โดนครูดุ ด่ า ทำโ ท ษมาด้วยกัน
จนไม่เหลือยางอายอะไรให้อายอีกเเล้ว ใหม่ๆอาจจะอายเพื่อนสนิทที่เป็นผู้หญิงเป้าหมายตา ที่อยู่ในห้องเดียวกัน พอนานเข้า ทั้งเขาเเละเราก็ชินกันไปเองจนไม่มีใครอายใคร
8 มีอดีตเเละวีรกรรมร่วมกันมายาวนาน
เพื่อนที่คบกันมาจนสนิท เเนบเเน่น จะมีประวัติศาสต์หรือวีรกรรมที่ร่วมทำกันมามากมายหลายรสชาติ จนเล่ากี่ครั้งก็ไม่มีวันหมด ทุกครั้งที่กลับไปเยี่ยมเยียนสถาบันที่เคยเล่า เ รี ย นกันมา ก็จะจดจำภาพได้ทุกภาพ ว่าอะไรอยู่ตรงไหน มะม่วงต้นไหนที่ใครเคยปีน ใครโดนครูทำโ ท ษตรงไหน อย่างไร ฯลฯ จำได้หมด ล้วนเป็นวีรกรรมเเบบโง่ๆไม่เเตกต่างกันเท่าไหร่
9 ขอเงินกันกินขนม เเทนการขอยืม
ด้วยที่สมัยนั้น ทุกคนได้เงินมาโรง เ รี ย นไม่มากมายอะไร เเค่หลักสิบบาทเท่านั้น จะต่างกันไปตามฐานะของเเต่ละบ้านบ้าง เเต่ก็ไม่กี่บาท ความอดอยากปากเเห้ง จึงมาเยือนชนิดไม่เเตกต่างกันเท่าไหร่ การขอเงินเพื่อนกินขนม หรืออเมริกันเเชร์ หรือให้เพื่อนเลี้ยง จึงเป็นเรื่องปกติ การ”ขอยืม”เงินเพื่อนสมัยนั้นไม่ค่อยมีให้เห็น มีเเต่”ขอเลย” หรือ “ขอลืม”เท่านั้น
10 เรามาพบเจอกันในเเต่ละครั้งหลังจากจบการศึกษา
เราได้เห็นวิวัฒนาการ เเละการเติบโต ของเพื่อนในกลุ่มเเต่ละคน พร้อมกับได้รื้อฟื้นความหลัง ความทรงจำเก่า ที่เราร่วมทำกันมา นัยหนึ่งก็เหมือนเป็นการลดอัตตาตัวตนของตนเองไปในเวลาเดียวกันว่า
” ไม่ว่าวันนี้..ทุกคนจะมาไกลเเค่ไหน เเต่เราก็มีจุ ดเริ่มต้นที่ไม่ต่างกันคือ ความเป็นเพื่อนที่ไม่มีกีดขวางระหว่าง”มรึงกับกรู”ไปได้เท่านั้นเอง”
ขอขอบคุณที่มาจาก : ดร.พนม ปีย์เจริญ