
ต้องบอกเลยว่าจำเป็นต้อง อ่ า น อย่างมาก ในอนาคตที่ธนาคารให้ ด อ ก เบี้ยเงินฝาก 0% ซึ่งเมืองไทยของเรา ใกล้จุดนี้เข้าไปทุกทีแล้ว เราจะใช้ชีวิตอย่างไร? ต้องไปดูว่า ประเทศที่ ด อ ก เบี้ยเงินฝาก 0% แบบญี่ปุ่น เขามีชีวิตกันอย่างไร? ประเทศไทย ซึ่งโดยรวม เรารวยน้อยกว่าเขา ก็อาจจะลำบากกว่าญี่ปุ่น ดังนี้
1 คนสูงอายุอาจต้องกลับมาทำงาน ในญี่ปุ่นเราจะเห็นคนสูงอายุ ที่เดิมทีมีเงินเก็บ แต่พอเงินฝากไม่มี ด อ ก เบี้ย ก็เลยใช้จ่ายกินเงินก้อนหมดไปเรื่อย คิดในแง่ดีก็คือ ได้ออกกำลังกาย ทำให้ร่างกายแข็งแรง
2 “ เงินเฟ้อแฝง” จะสูงขึ้นอีก หลายคนไม่ทราบว่า เงินเฟ้อแฝงก็คือ “ค่าครองชีพ” การที่ ด อ ก เบี้ยเงินฝากไม่มี ไม่ได้แปลว่า ค่าครองชีพจะไม่เพิ่ม มันแปลว่า ค่าครองชีพเพิ่มขึ้นเสมอ เงินที่เรามี จะซื้อของได้น้อยลงเรื่อย และไม่สามารถฝากเงินกิน ด อ ก แบบคนในยุคก่อนได้แล้ว
3 “อิสรภาพทางการเงิน” จะเริ่มไกลเกินเอื้อมสำหรับคนทั่วไป เราพูดเรื่องอิสรภาพทางการเงิน คือมี “Passive Income” มากกว่า ค่าใช้จ่าย โดยที่เราไม่ต้องทำงาน ซึ่งเดิมทีการฝากเงินธนาคาร ก็ยังพอมี ด อ ก เบี้ยบ้าง แต่ยุคต่อไป ถ้าเราลงทุนไม่เป็น หรือออมในหุ้นปันผลไม่เป็น เราอาจต้องทำงาน จ น ต. า ย ไม่มีคำว่าอิสรภาพ ทางการเงินอีกต่อไป
4 คนจะใช้จ่ายน้อยลง เงินจะหายากขึ้น ถ้า ด อ ก เบี้ยเงินฝาก 0% ก็เท่ากับว่า คนที่มีเงินฝากทั้งหมดไม่ได้ ด อ ก เบี้ย ซึ่งปกติเงินตรงนี้ มีเป็นแสนล้านบาทต่อปี ลองคิดดูว่าเงินที่หายไป จะทำให้กำลังซื้อ และใช้จ่ายของคน จะลดลงไปด้วย ก็ไม่ต่างจากญี่ปุ่น ที่ติดกับดักตรงนี้มา 20 กว่าปีแล้ว
5 สินทรัพย์ต่าง ร า ค า จะไม่ลดลง เพราะคนมีเงิน ไม่มีเหตุผลที่จะถือเงินสด พูดง่าย คือ เงินจะไหลออกจากธนาคารที่ไม่มี ด อ ก เบี้ย ไปอยู่ในสินทรัพย์ ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่น ลงทุนออมหุ้นปันผล ซึ่งได้เป็นเงินปันผล แทน ด อ ก เบี้ย ลงทุนในกองทุน ลงทุนในอสังหาให้ได้ค่าเช่า ทำให้ ร า ค า สินทรัพย์สูงเกินเอื้อม มากขึ้นเรื่อย คิดดูง่าย สมัยก่อน ทำงานไม่กี่ปีก็ซื้อบ้านได้แล้ว เดี๋ยวนี้ผ่อน 30 ปี ได้คอนโดห้องเดียว ที่ดินก็ไม่มี
6 สังคมจะแตกต่างมากขึ้น ยุคนี้คนลงทุนเป็นจะรวยขึ้น ในขณะที่คนที่ลงทุนไม่เป็น จะจนลง โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลย ความแตกต่างทางสังคมจะมากขึ้นไปอีก
7 เงินจะเหนือเรามากขึ้น ยุคที่เงินหายาก คนส่วนใหญ่จะทำทุกอย่าง เพื่อเงิน ทำทุกอย่าง เพื่อให้ได้เงิน โดยไม่สนวิธีการ และไม่แคร์ผลที่ตามมา ขอเพียง ได้เงิน เงินซื้อใครก็ได้ ซื้ออะไรก็ได้
8 ครอบครัวจะแตกแยกมากขึ้น ยุคที่แล้วทั้งพ่อและแม่ทำงาน “Dual Income” ไม่มีเวลาดูแลลูก ปัญหาสังคมยังสูงขนาดนี้ ทั้งปัญหาเด็ก และปัญหาการหย่าร้าง ถ้าทั้งพ่อและแม่ทำงาน ยังหาเงินไม่พอ ปัญหานี้จะเลวร้ายขึ้นไปอีก
9 คอรับชั่นและการ โ ก ง จะมากขึ้นจากข้อ 7 ที่คนจะยอมทำทุกอย่างเพื่อเงิน ซึ่งจะเกิดปัญหาตรงนี้ตามมา
10 หลังจากยุค ด อ ก เบี้ย 0% ทุกอย่างจะแย่ลงไปอีก หลายคนอาจจะคิดว่า พอ ด อ ก เบี้ย 0% แล้วเดี๋ยวชีวิตอาจจะดีขึ้น ใช่แต่ก่อนที่มันจะดีขึ้น มันจะแย่ลงกว่านี้ ก่อนที่ ด อ ก เบี้ยลง 0% ก็เพราะสภาพคล่องมันล้นระบบ แต่เงินที่ล้นระบบ มันอยู่ในมือคนรวย ซึ่งเป็นคนจำนวนน้อย ที่ไม่ค่อยใช้จ่าย พอการใช้จ่ายน้อย ของก็ ข า ย ไม่ได้ เศรษฐกิจก็แย่ คนก็ตกงาน พอเศรษฐกิจแย่ คนที่กู้เงินมาก็จ่ายหนี้ไม่ไหว บริษัทต่าง ก็เป็นหนี้รุงรัง ทางแก้ก็คือ คนที่เป็นหนี้และบริษัทที่เป็นหนี้ต้องเจ๊งก่อน ระบบถึงจะกลับมาเริ่มใหม่ (ถ้าดูญี่ปุ่น ก็แย่แบบนี้มาตั้งแต่ปี 1980 วันนี้ก็ยังคง ด อ ก เบี้ย 0% ก็ยังแย่แบบเดิม) แล้วเราจะปรับตัวยังไงในยุคแบบนี้?
ขอบคุณที่มาข้อมูล ให้ความรู้,อินเตอร์เน็ต