
การบำรุง บิ ด า ม า ร ด า
คนที่หาได้ย ากมากไฉน
เพราะว่าในโลกนี้มีเพียงสอง
คือพ่อแม่เกิดเกล้าเหล่าลู กต้อง
ตอบสนองพระคุณได้บุญแรง
พระคุณของบิดามารดา
(แทนน้ำนมแม่)
กล่าวถึงพระคุณของบิดามารดา
ตั้งแต่ลู กเกิดมาจนกระทั่งเติบโ ตว่า
การเลี้ยงดูลู กนั้นลำบากย ากเข็ญเพียงไร
ย ามลู กเจ็บป่ วย บิดามารดา
มีความทุกข์ใจเพียงไร
และการเฝ้าอบรมบ่มนิสัยให้ลู กเป็นคนดี
ตักเตือนลู กให้พ้นจากอบายทั้งหลาย
บิดามารดามีคุณต่อลู กมากเพียงไรลู ก
ควรจะตอบแทนคุณของบิดามารดา
ที่เลี้ยงดูเราจนเติบใหญ่ ลู กคนใดทำให้
บิดามารดาทุกข์ใจ เมื่อ ต า ย ไปจะต้องตกนรก
ลู กที่ดีมีหน้าที่ปฏิบัติต่อบิดามารดาคือ
เลี้ยงดูบิดามารดา ทำการงานช่วยบิดามารดา
เป็นการแทนคุณบิดามารดา
อาจจะรับราชการส่งเงินมาเลี้ยงดูท่าน
หรือบวชในพระพุทธศาสนา
เพื่อเอาบุญกุศลให้แก่บิดามารดา
นอกจากนี้อาจจะตั้งตนอยู่ในคุณความดี
รักษาชื่อเสียงวงศ์ตระกูลก็เป็นการแทนคุณท่าน
บิดามารดาเป็นผู้มีพระคุณอันยิ่งใหญ่ของบุตร สรุปโดยย่อคือ
1. เป็นต้นแบบทางกาย แบบเป็นสิ่งที่จำเป็นในการทำให้ของทั้งหลาย ในโลกมีค่าสูงขึ้น ตัวอย่างเช่น ก้อนดินเหนียวธรรมดา ถ้าหากนำมาใส่แบบพิมพ์แล้วพิมพ์เป็นตุ๊กตา ก็ทำให้ดินก้อนนั้นมีค่าขึ้นมา เป็นเครื่องประดับบ้านเรือนได้ ดินเหนียวก้อนเดียวกันนี้ หากได้แบบที่ดีกว่าขึ้นมาอีก เช่นแบบเป็นพระพุทธรูป ดินเหนียวก้อนนี้ก็จะทรงคุณค่ามากยิ่งขึ้น ผู้คนได้กราบไหว้บูชา จะเห็นได้ว่า คุณค่าของดินเหนียวก้อนนี้ขึ้นอยู่กับแบบที่พิมพ์นั่นเอง
ในทำนองเดียวกัน การเกิดของสัตว์ เช่นเป็น ช้าง ม้า วัว ควาย ฯลฯ แม้จะมีปัญญาติดตัวมามากสักปานใดก็ไม่สามารถทำความดีได้เต็มที่ โชคดีที่เราได้เกิดเป็นคน ได้โครงร่างที่ประเสริฐกว่าสัตว์ทั้งหลาย เหมาะในการ ทำความดีทุกประการ เราจึงสามารถใช้ความรู้ความสามารถประกอบคุณความดีได้เต็มที่ ทั้งนี้ก็เพราะเรามีพ่อแม่เป็นต้นแบบทางกายให้นั่นเอง
2. เป็นต้นแบบทางใจ ให้ความอุปการะเลี้ยงดู ฟูมฟัก ทะนุถนอม อบรมสั่งสอน ปลูกฝังกิริยามารยาท ให้ความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรมแก่ลูก
พระคุณพ่อแม่ในการเป็นต้นแบบทางกายให้เรา ก็นับว่ามีมากเหลือหลายแล้ว ยิ่งท่านอบรมเลี้ยงดูเรามา เป็นต้นแบบทางใจให้ด้วย ก็ยิ่งมีพระคุณมากเป็นอเนกอนันต์
ขอบคุณที่มาข้อมูล dhammathai